คนละกรณี-‘วัฒนา’แห้ว! ป.ป.ช.แจงไม่พ้นผิดคดีคลองด่านหลัง'ศรีสุวรรณ'อ้างหลักฐานใหม่ (23 เม.ย. 63)

สำนักข่าวอิศรา 23 เมษายน 2563
คนละกรณี-‘วัฒนา’แห้ว! ป.ป.ช.แจงไม่พ้นผิดคดีคลองด่านหลัง'ศรีสุวรรณ'อ้างหลักฐานใหม่

คนละกรณี! ป.ป.ช. ชี้แจงละเอียดปม ‘ศรีสุวรรณ’ อ้างหลักฐานใหม่ตีตกคดี 3 อดีต อบต.คลองด่าน ปมสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย เผยข้อกล่าวหา ‘วัฒนา อัศวเหม’ ในชั้นศาลฎีกาฯ เกิดขึ้นช่วงปี 31-35 ใช้อำนาจข่มขืนใจ จนท.ที่ดินสมุทรปราการออกโฉนดให้พื้นที่หวงห้ามแก่ บ.ปาล์มบีชฯ ก่อนรวมที่ขายกรมควบคุมมลพิษ

จากกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย อ้างว่าได้รับหนังสือสำคัญจากอดีตประธานกรรมการบริหาร และอดีต 2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) คลองด่าน จ.สมุทรปราการ โดยทั้ง 3 ราย ยืนยันตรงกันว่า พวกตนพ้นข้อกล่าวหาจาก ป.ป.ช. ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีมีผู้กล่าวหาว่าร่วมกันจัดทำหลักฐานการประชุมสภา อบต.คลองด่าน เพื่อให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ก่อสร้างอาคารโครงการจัดการน้ำเสียอันเป็นเท็จ เพื่อนำหลักฐานการพิจารณาอนุญาตดังกล่าวไปใช้ประกอบการเบิกเงินค่าที่ดินให้กับนายวัฒนา อัศวเหม รมช.มหาดไทย โดยหนังสือดังกล่าวระบุไว้ชัดเจนว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่าบุคคลทั้ง 3 คน ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหาจึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป ตามหนังสือสำนักงาน ป.ป.ช. ลงวันที่ 30 ก.ย. 62 ที่ผ่านมา ซึ่งนายศรีสุวรรณฯ กล่าวว่า การยกข้อกล่าวหาดังกล่าวจะเป็นผลให้คดีความต่าง ๆ ที่เกี่ยวพันกับการกล่าวหา นายวัฒนา อัศวเหม ในศาลต่าง ๆ ทั้งศาลแพ่ง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาจจะต้องมีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ เพราะถือว่าเป็นข้อเท็จจริงใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยที่รัฐบาล กระทรวงยุติธรรม อัยการและองค์กรอิสระทั้งหลายที่เกี่ยวข้องจะต้องให้ความเป็นธรรมต่อบุคคลที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดด้วย เพราะตกเป็นจำเลยของสังคมนั้น (อ่านประกอบ : ‘วัฒนา’พร้อมกลับมาสู้! ‘ศรีสุวรรณ’อ้าง ป.ป.ช.ตีตกข้อหาเร่งรัดสร้างบ่อคลองด่าน)

เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2563 นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องกล่าวหานายวัฒนา อัศวเหม (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2540 ถึง 9 กุมภาพันธ์ 2544), นายณรงค์ ยอดศิรจินดา (ประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลคลองด่าน), นายชะเอม ปู่มิ้ม (สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลคลองด่าน) และนายบุญลือ โพธิ์อรุณ (สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลคลองด่าน) ว่าใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ข่มขืนใจ หรือจูงใจให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลคลองด่าน จัดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลคลองด่าน เพื่อให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ก่อสร้างอาคารโครงการจัดการน้ำเสีย และได้มีการจัดทำหลักฐานการประชุมสภาอันเป็นเท็จ เพื่อนำหลักฐานการพิจารณาอนุญาตดังกล่าวไปใช้ประกอบการเบิกเงินค่าที่ดินที่ตนเอง มีส่วนได้เสียและได้รับประโยชน์จากเงินค่าที่ดินดังกล่าว

จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่าโครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำรวมเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ โดยกรมควบคุมมลพิษ ได้ลงนามในสัญญาจ้างกับกลุ่มกิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2540 นั้น ต้องมีการเบิกจ่ายค่าที่ดินสำหรับการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย ในวงเงิน 1,956,600,000 บาท ให้แก่กลุ่มกิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี จึงมีการเสนออนุมัติเบิกเงินจากสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมเพื่อนำเสนอสำนักงบประมาณพิจารณา โดยการขอเบิกเงินดังกล่าวจะต้องมีหนังสือยินยอมให้ใช้พื้นที่จากองค์การบริหารส่วนตำบล หรือหน่วยราชการท้องถิ่นที่จะเข้าไปดำเนินการก่อสร้างระบบ ว่ายินดีให้ใช้พื้นที่เพื่อก่อสร้างและใช้งานในการกำจัดมูลฝอยหรือบำบัดน้ำเสียตลอดระยะเวลาของโครงการ เพื่อใช้ประกอบการขอเงินประจำงวดเพื่อจัดซื้อที่ดินตามคำแนะนำของสำนักงบประมาณด้วย

ในการดำเนินการดังกล่าว สภาองค์การบริหารส่วนตำบลคลองด่าน ได้มีการประชุมสภาสมัยวิสามัญประจำปี 2541 สมัยที่ 1 ครั้งที่ 1/2541 ได้พิจารณาเรื่องขอใช้พื้นที่เพื่อการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย โดยมติที่ประชุม ได้ยินยอมให้ใช้พื้นที่เพื่อการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียเป็นเอกฉันท์ หลังจากนั้นองค์การบริหารส่วนตำบลคลองด่าน จึงได้มีหนังสือถึงนายอำเภอบางบ่อ แจ้งว่าองค์การบริหารส่วนตำบลคลองด่าน ได้พิจารณาโครงการดังกล่าวแล้ว ยินดีให้ใช้พื้นที่เพื่อการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียและใช้งานในการบำบัดน้ำเสียตลอดระยะเวลาโครงการ และส่งหนังสือยินยอมขององค์การบริหารส่วนตำบลคลองด่านให้ใช้พื้นที่เพื่อการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียบริเวณตำบลคลองด่าน ให้แก่กรมกรมควบคุมมลพิษเพื่อประกอบการเบิกเงินค่าจัดซื้อที่ดินต่อไป

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาแล้ว มีมติว่าจากการไต่สวนข้อเท็จจริงไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่า นายณรงค์ ยอดศิรจินดา นายชะเอม ปู่มิ้ม และนายบุญลือ โพธิ์อรุณ ได้ร่วมกันจัดทำหลักฐานการประชุมสภาฯ อันเป็นเท็จ ตามข้อกล่าวหา ให้ข้อกล่าวหาตกไป

สำหรับนายวัฒนา อัศวเหม ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่ามีส่วนในการเร่งรัดหรือข่มขืนใจให้สภาองค์การบริหารส่วนตำบลคลองด่านลงมติดังกล่าวหรือไม่ ประกอบกับนายวัฒนา อัศวเหม ได้หลบหนีหมายจับตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ อม.2/2551 จนกระทั่งปัจจุบัน เป็นเหตุให้คดีขาดอายุความแล้ว สิทธินำคดีมาอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) จึงมีมติให้ยุติการไต่สวน

อย่างไรก็ดีกรณีดังกล่าวข้างต้นการกระทำของนายวัฒนา อัศวเหม เป็นคนละกรณีกับการที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ ที่ อม.2/2550 คดีหมายเลขแดงที่ อม.2/2551 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2551 จำคุกนายวัฒนา อัศวเหม เป็นเวลา 10 ปี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ซึ่งได้กระทำเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ระหว่าง พ.ศ. 2531 ถึง พ.ศ. 2535 ได้ใช้อำนาจข่มขืนใจหรือจูงใจเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองและเจ้าพนักงานสำนักงานที่ดินจังหวัด สมุทรปราการ สาขาบางพลี ให้ร่วมกันดำเนินการออกโฉนดที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ ในเขตพื้นที่สงวนหวงห้าม ทับที่สาธารณประโยชน์ ให้แก่นายวัฒนา อัศวเหม ในนามของบริษัท ปาล์มบีช ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด โดยมิชอบ

และยังเป็นคนละกรณีกับกรณีที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษา ที่ 8064/2560 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560 จำคุกนายวัฒนา อัศวเหม เป็นเวลา 3 ปี ในความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 (เดิม) ซึ่งนายวัฒนา อัศวเหม กับพวกได้ร่วมกันรวบรวมที่ดิน แล้วนำมาเสนอขายกรมควบคุมมลพิษ (เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2540) โดยหลอกลวงและปกปิดข้อเท็จจริงที่ว่าที่ดินที่มีเนื้อที่ไม่ครบ เนื่องจากมีการออกโฉนดโดยมิชอบออกทับคลองและถนนสาธารณะ

หมายเหตุ : ภาพประกอบนายวัฒนาจาก https://www.thairath.co.th/