"เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก" แถลงการณ์กำหนดท่าทีกรณีเหตุระเบิดและก๊าซรั่ว (9 ก.พ. 55)

ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 9 พฤษภาคม 2555
กลุ่ม NGO เตรียมเคลื่อนไหว แก้ปัญหามลพิษมาบตาพุดอย่างเด็ดขาด


ศูนย์ข่าวศรีราชา - เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก แถลงการณ์ กำหนดท่าทีการเคลื่อนไหวกรณีเหตุระเบิดและก๊าซรั่ว พร้อมตั้งธงแก้ไขปัญหา 9 ข้อ เพื่อความเป็นอยู่ของประชาชน และประเทศชาติ

วันนี้ (9 พ.ค.) ที่ห้องประชุมสินสมุทร 2 โรงแรมสตาร์ จังหวัดระยอง นายสุทธิ อัชฌาศัย แกนนำเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการกำหนดท่าทีการเคลื่อนไหวต่อกรณีเหตุระเบิด โรงงาน บีเอสที และเหตุก๊าซรั่วไหลจาก บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 5-6 พ.ค.2555 ที่ผ่านมา โดยมีสมาชิกเครือข่ายฯ และสื่อมวลชนเข้าร่วมครั้งนี้กว่า 50 คน ร่วมงาน
       
สำหรับการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เน้น 9 ข้อ หลัก คือ
 
1.ขอ ให้เปิดเผยข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างโปร่งใสต่อสาธารณชน เช่น มูลเหตุการจัดการสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ 2.ให้รัฐบาล และโรงงานอุตสาหกรรม นำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2553-2557 มาบังคับใช้ให้เกิดการปฏิบัติอย่างจริงจัง 3.ฟื้นฟูและบำบัดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบในด้านต่างๆ เช่น สิ่งแวดล้อม, ทรัพยากรธรรมชาติ, สุขภาพ และสังคม
       
4.สร้าง ระบบการชดเชยเยียวยาอย่างเป็นระบบ เป็นธรรม และยั่งยืน ต่อผู้ได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม เช่น สวัสดิการแก่ผู้เสียหายโดยตรง ผู้ได้รับผลกระทบทางอ้อม กลุ่มอาชีพต่างๆ เช่น ประมงพื้นบ้าน 5.ดำเนินคดีทางกฎหมายต่อหน่วยงานที่กระทำผิดฐานละเลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อทุกบุคคล 6.จัดทำประกาศผังเมืองรวมอย่างมีประสิทธิภาพ จัดทำแนวกันชน และแนวป้องกัน 7.ทำบัญชีการถือครองวัตถุอันตราย บัญชีการระบายมลพิษ และแจ้งข้อมูลให้ประชาชน หน่วยงานสาธารณสุขรับทราบ รวมทั้งจัดอบรมจัดการเรียนรู้ด้านสารเคมีต่อชุมชนที่มีแหล่งกำเนิดมลพิษ 
 
8.ทบทวน ระงับ นโยบายการลงทุนอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ทั้งในนิคมฯ และนอกนิคมฯ เช่น จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี และ 9.เปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการไตรภาคีที่จะทำการตรวจสอบโรงงานทั้งหมดต่อ สาธารณะ รวมถึงกำหนดภาระหน้าที่ที่ชัดเจน
       
นาย สุทธิ กล่าวต่อไปว่า นอกจาก 9 ข้อเรียกร้องดังกล่าวแล้ว ทางกลุ่มจะมีการเคลื่อนไหวต่อโดยในวันที่ 12 พ.ค.2555 นี้ ในเวลา 09.00 น.ทางกลุ่มฯ จะยื่นหนังสือต่อผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (กนอ.) จากนั้นจะปลูกต้นกล้วยหน้าสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เนื่องจากที่ผ่านมา กลุ่มชาวบ้านเคยเรื่องร้องให้มีการปลูกต้นไม้ เพื่อเป็นเขตบัปเปอร์โซน (พื้นที่กันชน) แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ เลย จึงมาแสดงให้เห็นว่าการปลูกต้นไม้ไม่น่าจะยุ่งยาก และหลังจากนั้น จะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีทั้งอาญาและแพ่ง ต่อ กนอ., บอร์ดของ บ.บีเอสที และบอร์ดของ บ.อดิตยาฯ ณ สภ.มาบตาพุด
      
ส่วนใน วันที่ 15 พ.ค.2555 จะเดินทางเข้า กทม. เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล, ที่นายสุรชัย บุญเลี้ยงเลิศชัย คณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา ที่ รัฐสภา กทม., ที่องค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และนายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ กทม.
       
นาย สุทธิ กล่าวว่า หลังจากที่ยื่นหนังสือต่อหน่วยต่างๆ แล้ว ทางกลุ่มจะกลับมาประเมินสถานการณ์อีกครั้งในวันที่ 20 พ.ค. นี้ เพื่อกำหนดท่าทีการเคลื่อนไหวต่อไป เพราะการยื่นหนังสือครั้งนี้ยังไม่ทราบจะมีเสียงตอบรับ หรือดำเนินการเช่นใด ดังนั้น ทางกลุ่มจะต้องมาประชุมเพื่อวางแนวทางต่อไป ส่วนวันที 25 พ.ค.2555 ทางกลุ่มฯ จะดำเนินการร่างคำฟ้องเตรียมยื่นต่อศาลปกครอง 
       
ขณะ นี้ ทางกลุ่มได้ประสานกับ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เพื่อให้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด ขอให้เปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ให้ระงับใบอนุญาตไว้ก่อนจนกว่าจะแน่ใจในความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งจะมีโครงการที่ขอเข้ามาลงทุนในพื้นที่ จ.ระยอง ทั้งสิ้น 76 โครงการ โดยให้ระงับไว้ก่อน